ความสงสัยในเรื่อง เฟซบุ๊กไม่ปลอดภัย เป็นกระแสอีกครั้ง จากกรณีที่บริษัท Cambridge Analytica สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ Facebook 50 ล้านราย ผ่านแอปฯ ของอาจารย์มหาวิทยาลัย Aleksandr Kogan และถูกนำไปทำเป็นแคมเปญโฆษณาหาเสียงของประธานาธิบดี Trump ช่วงปี 2016 ทำให้หุ้น Facebook ตกลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเกิดแคมเปญฯ #deletefacebook ที่มีผู้ใช้งานไม่เชื่อถือด้านความปลอดภัยทยอยลบแอคเคาท์เฟซบุ๊กกันหลายราย
รวมถึง Elon Musk CEO ของ SpaceX และ Tesla คู่กัดของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ได้ลบเพจของบริษัทตัวเอง ที่มียอดไลค์รวมกว่า 5 ล้าน ไปแล้วด้วย ทำให้มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ต้องออกมาแสดงความขอโทษผ่านการซื้อโฆษณาเต็มหน้าทางหนังสือพิมพ์ชื่อดัง
จากเหตุการณ์นี้ บวกกับหลายๆ ครั้งที่เฟซบุ๊กนั้นช่างรู้ใจเราเสียเหลือเกิน หลายคนก็เริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหมครับว่า จริงๆ แล้วเฟซบุ๊กนั้นเก็บข้อมูลอะไรของเราไปบ้าง แล้วเก็บตอนไหน ทำไมเราไม่เคยรู้ตัว แล้วจริงๆ แล้ว เฟซบุ๊กปลอดภัยหรือไม่?

โดยเบื้องต้นของการสมัครเฟซบุ๊กจะแจ้งนโยบายข้อมูลให้เรายอมรับ (ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะไม่ได้สนใจอ่าน เลื่อนลงไปกดยอมรับอย่างเดียวเลยครับ) ซึ่งเนื้อความการขอเข้าถึงสิทธิ์ที่ทางเฟซบุ๊กแจ้งแก่ผู้ใช้งานทุกคน มีดังนี้
• สิ่งที่คุณทำและข้อมูลที่คุณให้
อะไรก็ตามที่เราป้อนข้อมูลเข้าไปในเฟซบุ๊ก เริ่มตั้งแต่เมื่อสมัครใช้งานบัญชีผู้ใช้ การโพสต์ แชร์ และส่งข้อความหรือติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ รวมไปถึงตำแหน่งที่ตั้งของรูปภาพหรือวันที่สร้างไฟล์ และพฤติกรรมการใช้บริการของเรา เช่น ประเภทของเนื้อหาที่ดูหรือมีส่วนร่วมด้วย ความถี่และระยะเวลาของกิจกรรม
• สิ่งที่ผู้อื่นทำและข้อมูลที่บุคคลเหล่านั้นให้
เนื้อหาและข้อมูลที่คนอื่นๆ บนเฟซบุ๊กให้ ที่เกี่ยวกับตัวคุณ เช่น การแท็กรูปภาพที่มีคุณ ส่งข้อความถึง อัพโหลด ซิงค์ หรือนำเข้าข้อมูลการติดต่อ
• เครือข่ายและความเชื่อมโยงของคุณ
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนและกลุ่มคนที่คุณเชื่อมต่อด้วย เช่น ผู้ที่คุณติดต่อสื่อสารด้วยบ่อยที่สุด หรือกลุ่มที่คุณชอบแชร์เนื้อหาให้ และยังเก็บรวบรวมข้อมูลการติดต่อที่อนถญาตอื่นๆ หากมีการอัพโหลด ซิงค์ หรือนำเข้าข้อมูลนั้น (เช่น สมุดรายชื่อ) จากอุปกรณ์
• ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน
หากมีการใช้บริการด้านซื้อขายบนเฟซบุ๊ก อย่างการสั่งซื้อหรือธุรกรรมทางการเงิน (ซื้อสินค้าบางอย่างบน Facebook ทำรายการซื้อในเกม หรือบริจาคเงิน) จะมีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายการนั้นๆ รวมถึงข้อมูลวิธีการชำระเงิน อย่างหมายเลขบัตรและข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือเดบิต ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้และการยืนยันความถูกต้อง ตลอดจนรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงิน การจัดส่งสินค้า และการติดต่อด้วย
• ข้อมูลของอุปกรณ์
อุปกรณ์ใดก็ตามที่เราใช้เพื่อล็อกอินเฟซบุ๊ก จะถูกเก็บข้อมูลเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ระบบปฏิบัติการ แบตเตอรี่ ความแรงของสัญญาณ ตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ และข้อมูลการเชื่อมต่อ เช่น ชื่อของผู้ให้บริการมือถือหรือ ISP ประเภทเบราว์เซอร์ ภาษาและโซนเวลา หมายเลขโทรศัพท์มือถือและที่อยู่ IP
• ข้อมูลจากเว็บไซต์และแอปฯ ที่ใช้บริการของเรา
เฟซบุ๊กมีการเก็บข้อมูลของบริษัทอื่นที่ใช้บริการบนแฟลตฟอร์มเดียวกัน อาทิลิงค์ข้อมูล มีหน้าเพจ หรือมีการแชร์ ทำให้เมื่อคุณเข้าเว็บไซต์หรือแอปฯ อื่นๆ เพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง เฟซบุ๊กก็จะได้ข้อมูลนั้นๆ มาเพื่อใช้งานด้วย
• ข้อมูลจากพาร์ทเนอร์จากภายนอก
ข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณและกิจกรรมของคุณทั้งในและนอก Facebook จากพาร์ทเนอร์จากภายนอก เช่น ข้อมูลจากพาร์ทเนอร์ที่ร่วมกับเฟซบุ๊กเสนอบริการ หรือข้อมูลจากผู้ลงโฆษณาเกี่ยวกับประสบการณ์หรือปฏิสัมพันธ์ของคุณกับพาร์ทเนอร์
• บริษัทของ Facebook
ข้อมูลที่คุณใส่ไว้ในบริการอื่นๆ ที่เป็นเจ้าของหรือดำเนินกิจการโดย Facebook โดยเป็นไปตามข้อกำหนดและนโยบายของบริษัทเหล่านั้น อาทิ Instagram, WhatsApp, Oculus เป็นต้น
เรียกได้ว่าทางเฟซบุ๊กได้ไปทุกอย่างที่คุณทำลงบนแพลตฟอร์ม นอกเฟซบุ๊ก และทุกพฤติกรรมใช้งานเลยทีเดียว แบบนี้ก็คงไม่แปลกใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมเฟซบุ๊กถึงได้รู้ใจเราได้ขนาดนี้ ส่วนเรื่องที่ว่าเฟซบุ๊กปลอดภัย หรือไม่ปลอดภัย ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนะครับ แต่ถ้าหากใครรู้สึกว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวมากเกินไป ในบทความหน้าเราจะมาอธิบายวิธีการจำกัดสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของเฟซบุ๊กกันครับ